Over Discharge อีกหนึ่งอาการที่พบเจอได้บ่อยและอาจทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลงได้ วันนี้ไรโน่จะพาไปทำความรู้จักกันว่าอาการ Over Discharge ว่ามีลักษณะอย่างไร ไปดูกันเลย...
Over Discharge หรือมักรู้จักในชื่อ แบตเตอรี่จ่ายไฟมากเกินไป คือ อาการแบตเตอรี่ไฟหมดและไม่ได้มีการชาร์จไฟเพิ่มกลับเข้าไปในแบตเตอรี่ จนทำให้ค่าความเข้มข้นของน้ำกรดลดลง เมื่อค่าความเข้มข้นของกรดเจือจางต่ำกว่าที่กำหนด อาจทำให้แผ่นธาตุถูกกัดกร่อน โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดการ Over Discharge มักพบในกรณีดังต่อไปนี้
- กรณีปล่อยให้แบตเตอรี่ไฟหมดเป็นเวลานานจนค่าความเข้มข้นของกรด (ค่า ถ.พ.) ต่ำกว่า 1.030 โดยไม่ได้ชาร์จไฟเพิ่มเป็นระยะเวลานาน
- กรณีแบตเตอรี่เติมน้ำกรดแล้วไม่ได้ถูกใช้งาน
- กรณีเก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่ร้อนจัดจนน้ำกรดแห้ง เมื่อเติมน้ำกลั่นเข้าไปและไม่ได้มีการชาร์จไฟเพิ่มเป็นสาเหตุที่ทำให้แผ่นธาตุเสียได้
- กรณีระบบไฟชาร์จหรือไดชาร์จของรถยนต์ตัดโวล์ทต่ำเกินไป ทำให้การชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ
ข้อควรระวัง! กรณีรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานหรือจอดเพื่อรับการซ่อมเป็นระยะเวลานาน อาจเกิดอาการแบตเตอรี่ Over Discharge ได้เช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอาการ Over Discharge ควรตรวจสอบระดับไฟ และควรถอดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน หากต้องการใช้งานรถยนต์ควรนำแบตเตอรี่กลับไปชาร์จไฟที่ร้านแบตเตอรี่ เพื่อกระตุ้นไฟเพิ่มก่อนการใช้งาน
TIPS AND TRICKS
- หากต้องจอดรถทิ้งไว้ 3-7 วันขึ้นไป แนะนำว่าควรสตาร์ทรถทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที เพื่อกระตุ้นไฟเข้าแบตเตอรี่ สัปดาห์ละครั้ง
- รู้แบบนี้แล้ว! อย่าลืมดูแลแบตเตอรี่ เพื่อให้แบตเตอรี่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมออกสตาร์ทเต็มพลังอึดทุกเส้นทาง
อ่านรายละเอียดอาการ Overcharge หรือ แบตเตอรี่อัดไฟมากเกินไป คืออะไร? คลิก