ตรวจเช็กรถสุดรัก จุดไหนบ้างที่ควรดูแลหลังขับรถลุยน้ำท่วม!
by SIAM GS SALES
07 June 2022

ฝนตกหนักจนต้องขับรถลุยน้ำท่วมขังทุกปีจนกลายเป็นเรื่องปกติ  ถึงจะผ่านมาได้โดยรถยนต์ไม่ดับไปกลางทาง แต่รู้หรือไม่ว่าเรื่องเท่านี้ ก็สามารถทำให้รถยนต์ที่คุณรักเกิดปัญหาตามมาได้! เสียทั้งเงินทั้งเวลาตามซ่อมน่าหงุดหงิดใจ แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ได้หากหมั่นเช็กทุกครั้งหลังขับรถลุยน้ำ!  ยีเอสแบตเตอรี่ได้รวบรวมมาให้แล้ว 4 จุดที่ต้องตรวจเช็กทันที หลังขับรถลุยน้ำท่วมขังรอการระบาย!

จุดที่ 1 ระบบเบรก : ต้องเช็กเสมอเพราะโลหะของเบรกไม่ถูกกับน้ำ ทุกครั้งหลังขับรถลุยน้ำท่วมขังควร “เลียเบรก” เพื่อไล่ความชื้นในผ้าเบรกออก โดยการขับรถช้าๆ แตะเบรกเบาๆ ค้างเอาไว้เป็นระยะทางประมาณ 100 เมตร ให้ผ้าเบรกเสียดสีกับจานเบรกจนเกิดความร้อนช่วยให้น้ำและความชื้นได้ระเหย

จุดที่ 2 ลูกปืนล้อ : ลูกปืนล้อมักจะมีจารบีคอยหล่อลื่น หากขับผ่านน้ำท่วมขังมักไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเป็นการต้องแช่น้ำท่วมขังนานๆ อาจทำให้จารบีเสื่อมคุณภาพไวได้ ต้องหมั่นเช็กทุกครั้งหลังลุยน้ำ

จุดที่ 3 เพลาขับและเฟืองท้าย : ถ้าเจอน้ำท่วมขังจนมิดใต้ท้องรถ ต้องรีบเช็กหลังขับรถลุยน้ำ! โดยการเช็กจากเสียง หากชุดเพลามีปัญหาจะมีเสียงดังผิดปกติออกมา สามารถแก้เบื้องต้นด้วยการเติมจารบี เปลี่ยนยางหุ้มเพลาใหม่ และเปลี่ยนถ่ายของเหลว

จุดที่ 4 ระบบปรับอากาศ : บางครั้งน้ำอาจเข้ามาในรถแบบไม่รู้ตัว จนเป็นความชื้น และส่งกลิ่นเหม็นสาปภายในรถยนต์ในที่สุด หากเจอปัญหานี้ก็แก้ไขได้ด้วยการเข้าศูนย์เพื่อล้างระบบปรับอากาศกำจัดกลิ่น

แต่หากเกิดเหตุไม่คาดคิด! แบตเตอรี่รถยนต์หมด สตาร์ทรถไม่ติด โทรหา GS PROMPT 1380 บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่นอกสถานที่แบบ Delivery โดยช่างมืออาชีพ พร้อมดูแลถึงที่หมายภายใน 30 นาที!

ตรวจสอบพื้นที่ให้บริการ GS PROMPT 1380



บทความคล้ายกัน

ข่าวและกิจกรรม CSR ความรู้ดีๆ มากมายสไตล์ยีเอส แบตเตอรี่